Work and travel อาจจะเป็นชื่อที่คุ้นหู สำหรับใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาปริญญาตรีและปริญญาโทที่ต้องการประสบการณ์และต้องการที่จะไปเรียนรู้และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมต่างประเทศ บทความนี้จะพาไปรู้จักว่า Work and Travel คืออะไร การที่จะไป Work and Travel คุณสมบัติมีอะไรบ้าง รวมไปถึง Work and travel ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ถ้าหากสนใจที่จะเข้าร่วมโครงการ Work and Travel ควรเลือกไป Work and Travel ประเทศไหนดี บทความนี้มีคำตอบ
Work and Travel คืออะไร
โครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาต่างชาติสามารถเดินทางไปทำงานและท่องเที่ยวในประเทศเจ้าบ้านได้ในช่วงปิดเทอมโครงการนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักศึกษาที่ต้องการหาโอกาสพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตในต่างแดน โดยทั่วไป ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้ทำงานในสายงานบริการ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร สวนสนุก หรือร้านค้าต่าง ๆ เป็นระยะเวลาตั้งแต่ 3-4 เดือน และหลังจากหมดสัญญาการทำงานแล้ว ยังสามารถเดินทางท่องเที่ยวในประเทศนั้น ๆ ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
คุณสมบัติอะไรบ้าง ถึงจะเข้าร่วมโครงการ Work and Travel ได้
- อายุ: โครงการ Work and Travel ส่วนใหญ่มักกำหนดอายุของผู้สมัครอยู่ที่ 18-28 ปี แต่บางโครงการอาจมีข้อกำหนดที่แตกต่างกัน
- สถานะการศึกษา: จะต้องเป็น นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ระดับปริญญาตรีหรือปริญญาโท (Full-time Student) บางโครงการอาจกำหนดให้ต้องเรียนมาแล้วอย่างน้อย 1-2 ภาคการศึกษาหรือเป็นนักศึกษาที่กำลังจะจบการศึกษาภายในปีนั้น ๆ อาจเข้าร่วมได้ตามเงื่อนไขของแต่ละโครงการ
- ผลการเรียน: แม้ว่าโครงการจะไม่ได้กำหนดเกรดเฉพาะเจาะจง แต่บางโครงการอาจต้องการให้ผู้สมัครมีผลการเรียนในระดับที่ดี (เช่น GPA 2.00 ขึ้นไป) เพื่อแสดงถึงความรับผิดชอบในการเรียน
- ทักษะและความสามารถทางภาษาอังกฤษ: เนื่องจากการทำงานในต่างประเทศต้องมีการสื่อสารกับลูกค้าและเพื่อนร่วมงาน ผู้สมัครควรมีทักษะภาษาอังกฤษในระดับที่สามารถสนทนาและเข้าใจคำสั่งงานได้โดยบางโครงการอาจมีการทดสอบสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษก่อนรับเข้าร่วมและ สำหรับคนที่อยากพัฒนาทักษะและความสามารถภาษาอังกฤษแต่ไม่ค่อยมีเวลาแนะนำเทคนิคการฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองง่าย ๆ เพื่อพัฒนาระดับภาษาอังกฤษที่สามารถเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันและยังสามารถนำไปใช้ในด้านการสื่อสารได้
- ความพร้อมด้านการเงิน: การเข้าร่วมโครงการ Work and Travel จะช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้รับค่าตอบแทนจากการทำงาน แต่ผู้สมัครต้องเตรียม ค่าใช้จ่ายเริ่มต้น เช่น ค่าสมัครโครงการ ค่าวีซ่า ค่าตั๋วเครื่องบิน และค่าใช้จ่ายในช่วงแรกก่อนเริ่มงาน โดยทั่วไปควรมีเงินสำรองอย่างน้อย $2,000 – $3,000
- ไม่มีประวัติอาชญากรรมและสามารถขอวีซ่าได้: ผู้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการจะต้องไม่มีประวัติอาชญากรรม เพราะอาจมีผลต่อการขอวีซ่ารวมไปถึงวิธีการขอวีซ่าได้และต้องมีเอกสารครบถ้วนตามที่สถานทูตกำหนดเพื่อใช้ในการขอวีซ่าและอนุญาตให้เข้าทำงานในประเทศนั้น ๆ
- สุขภาพร่างกายและจิตใจ: จะต้องมีสุขภาพแข็งแรง สามารถทำงานได้ตามที่นายจ้างกำหนดหากมีโรคประจำตัว ควรแจ้งโครงการล่วงหน้าเพราะบางงานอาจต้องใช้แรงงานหนักหรือยืนทำงานเป็นเวลานานและมีสภาพจิตใจที่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ทั้งสภาพแวดล้อม วัฒนธรรม และลักษณะงาน
- มีความสนใจและตั้งใจจริง: โครงการ Work and Travel ไม่ใช่แค่โอกาสในการทำงาน แต่เป็นประสบการณ์ชีวิตที่ช่วยให้ได้เรียนรู้วัฒนธรรมและพัฒนาทักษะส่วนตัว ผู้ที่สนใจเข้าร่วมควรมีความกระตือรือร้นในการทำงาน มีวินัย และสามารถจัดการเวลาได้ดี
work and travel มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
- ค่าที่พัก: บางโครงการอาจมีที่พักให้ แต่ส่วนใหญ่ผู้เข้าร่วมจะต้องเช่าที่พักเอง ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับเมืองที่ไป โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ $300-$800 ต่อเดือน
- ค่าสมัครและค่าธรรมเนียมโครงการ: โครงการ Work and Travel จะมีค่าธรรมเนียมในการสมัคร ซึ่งรวมถึงค่าดำเนินการ วีซ่า และประกันสุขภาพ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ $1,500-$3,000
- ค่าตั๋วเครื่องบิน: ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยังประเทศที่เลือกเข้าร่วมโครงการ โดยปกติจะเป็นตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ราคาตั๋วขึ้นอยู่กับประเทศปลายทางและช่วงเวลาที่เดินทางค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยอยู่ที่ $700 – $1,500 ขึ้นอยู่กับสายการบินและช่วงเวลาการเดินทาง
- ค่าทำวีซ่าและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง: ค่าธรรมเนียมวีซ่า Work and Travel ของสหรัฐฯ (J-1 Visa) อยู่ที่ $185 ค่า SEVIS Fee (ระบบติดตามนักเรียนแลกเปลี่ยน) สำหรับโครงการในสหรัฐฯ ประมาณ $35และค่าธรรมเนียมขอวีซ่าของประเทศอื่น ๆ อาจแตกต่างกัน เช่น ออสเตรเลียหรือแคนาดาอาจมีค่าเดินทางไปสัมภาษณ์วีซ่าที่สถานทูต สำหรับใครที่อาจจะไม่รู้ J-1 Visa หรือ วีซ่า J1 วีซ่าโครงการแลกเปลี่ยน ในบทความที่แล้วได้มีการพาไปทำความรู้จักและอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับ วีซ่า J1 คืออะไร สำหรับใครที่อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม
- ค่าเดินทางภายในประเทศปลายทาง: อย่างเช่น ค่าใช้จ่ายในการเดินทางประจำวัน เช่น รถโดยสารประจำทาง รถไฟฟ้า หรือแท็กซี่ ค่าใช้จ่ายส่วนนี้โดยเฉลี่ยประมาณ $50 – $200 ต่อเดือน ขึ้นอยู่กับเมืองที่ไป
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าอาหาร: ค่าอาหารและค่าครองชีพแตกต่างกันไปตามเมืองที่ไปทำงานบางงานอาจมีสวัสดิการด้านอาหารให้ เช่น โรงแรมหรือร้านอาหารบางแห่งโดยเฉลี่ยค่าอาหารต่อเดือนอยู่ที่ $200 – $500
- ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดและเงินสำรอง: ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น เสื้อผ้า อุปกรณ์ใช้สอยหรือค่าความบันเทิงและควรมีเงินสำรองสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินอย่างน้อย $500 – $1,000 เผื่อกรณีที่ยังไม่ได้รับเงินเดือนในช่วงแรก หรือเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
Work and Travel ประเทศไหนดี
ได้คัดเลือกมาสรุปให้ 4 ประเทศยอดนิยมที่คนส่วนใหญ่มักเลือกไปเข้าร่วมโครงการดังนี้
- สหรัฐอเมริกา: เป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตสำหรับโครงการ Work and Travel สหรัฐฯ มีโอกาสงานหลากหลาย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ อีกทั้งยังมีค่าตอบแทนที่สูงกว่าประเทศอื่น ๆ
- ออสเตรเลีย: ออสเตรเลียเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีโครงการ Work and Travel เปิดรับนักศึกษาต่างชาติ แม้ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นจะสูงกว่าสหรัฐฯ แต่ค่าตอบแทนและคุณภาพชีวิตก็ถือว่าคุ้มค่า
- นิวซีแลนด์: เหมาะสำหรับนักศึกษาที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติอันสวยงามและบรรยากาศการทำงานที่ไม่เคร่งเครียด นิวซีแลนด์มีงานในฟาร์มหรือร้านอาหารที่รองรับนักศึกษา Work and Travel
- แคนาดา: ที่ประเทศแคนาดามีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและค่าตอบแทนที่ค่อนข้างดี โครงการ Work and Travel ในแคนาดาเปิดโอกาสให้นักศึกษาทำงานในธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต และร้านอาหาร
สำหรับใครที่วางแพลนจะไป Work and Travel หวังว่าบทความนี้จะช่วยเตรียมความพร้อมและทำให้รู้จักกับ โครงการ Work and Travel มากขึ้น