หลายคนคงน่าจะเคยได้ยินคำว่า โครงการแลกเปลี่ยน มาไม่น้อย ยกตัวอย่างเช่น โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยน หรือ Work and Travel ก็เป็นส่วนนึงของโครงการแลกเปลี่ยนนี้ และหลายคนอาจจะยังไม่รู้จักโครงการแลกเปลี่ยนมาก่อน บทความนี้จะพาไปรู้จักวีซ่าที่ต้องใช้เมื่อเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนที่เรียกว่าวีซ่าโครงการแลกเปลี่ยน J-1 พร้อมเจาะลึกรายละเอียดเกี่ยวกับวีซ่า J-1
วีซ่า J1 คืออะไร
วีซ่าที่ออกให้กับบุคคลที่เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนในสหรัฐอเมริกา โดยรัฐบาลมุ่งหวังให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้รับประสบการณ์ทางวัฒนธรรมและวิชาชีพ ก่อนที่จะเดินทางกลับไปพัฒนาประเทศของตนเองโดยผู้เข้าร่วมโครงการจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของวีซ่าอย่างเคร่งครัด ในบทความที่แล้วได้มีการพาไปทำความรู้จักถึงวิธีการขอวีซ่า เพื่อให้ได้เข้าใจว่าวีซ่าคืออะไรและวิธีการขอวีซ่าต้องทำยังไง วีซ่ามีกี่ประเภท
ประเภทของวีซ่า J-1 แบ่งออกเป็นหลายกลุ่มดังนี้
- นักเรียนแลกเปลี่ยน (Exchange Students): ใช้สำหรับนักเรียนมัธยมปลายที่เข้าศึกษาในโรงเรียนสหรัฐอเมริกา
- Work and Travel: สำหรับนักศึกษาปริญญาตรีที่ต้องการทำงานช่วงปิดเทอม
- Internship และ Training: สำหรับนักศึกษาที่กำลังศึกษาระดับชั้นปริญญาตรีหรือปริญญาโทและบุคคลทั่วไปที่ต้องการฝึกงานกับบริษัทในสหรัฐอเมริกา
- Research Scholar และ Professor: สำหรับนักวิจัยและอาจารย์ที่เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษา
วีซ่า J1 คุณสมบัติ
- ได้รับการตอบรับจากองค์กรที่ได้รับอนุมัติ: ต้องมีหน่วยงานในสหรัฐอเมริกาเป็นผู้สนับสนุนและออกเอกสาร DS-2019 ผู้สมัครต้องได้รับการตอบรับจากสถาบันหรือองค์กรที่เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
- มีทักษะภาษาอังกฤษเพียงพอ: ต้องแสดงหลักฐานว่ามีความสามารถทางภาษาอังกฤษ เช่น ผลสอบ TOEFL, IELTS หรือสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ
- แสดงหลักฐานทางการเงิน: ต้องมีเงินสนับสนุนเพียงพอสำหรับค่าครองชีพตลอดระยะเวลาที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา
- มีแผนการเดินทางกลับประเทศ: ต้องแสดงเจตนาว่าจะเดินทางกลับภูมิลำเนาหลังจบโครงการ
ขอวีซ่า J1 ยากไหม
หลายคนสงสัยว่าขอวีซ่า J1 ยากไหม ความยากง่ายของการขอวีซ่าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของโครงการแลกเปลี่ยน ความพร้อมของเอกสาร และความสามารถในการสัมภาษณ์วีซ่า โดยกระบวนการขอวีซ่ามีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้
- ได้รับ DS-2019: เอกสาร DS-2019 เป็นเอกสารสำคัญที่ออกโดยผู้สนับสนุนโครงการ ซึ่งใช้เป็นหลักฐานสำหรับการยื่นขอวีซ่า
- กรอกแบบฟอร์ม DS-160: แบบฟอร์มออนไลน์ที่ใช้ยื่นขอวีซ่าสหรัฐอเมริกา
- ชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า: ต้องชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าตามที่สถานทูตกำหนด
- นัดสัมภาษณ์วีซ่า: ผู้สมัครต้องเข้าสัมภาษณ์ที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาและตอบคำถามเกี่ยวกับโครงการแลกเปลี่ยน วัตถุประสงค์การเดินทาง และแผนการกลับประเทศ
วีซ่า J1 เอกสารที่สำคัญมีอะไรบ้าง
- หนังสือเดินทาง (Passport): ต้องมีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไปนับจากวันที่เดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา หากเคยมีวีซ่าสหรัฐอเมริกามาก่อน ควรนำพาสปอร์ตเล่มเก่าติดไปด้วย
- แบบฟอร์ม DS-2019 (Certificate of Eligibility for Exchange Visitor Status): เป็นเอกสารที่ออกโดยองค์กรผู้สนับสนุน (Sponsor) ที่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกามีรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ ระยะเวลา และเงื่อนไขของผู้เข้าร่วมผู้สมัครต้องลงนามในเอกสารก่อนนำไปยื่นขอวีซ่า
- ใบยืนยันการกรอกแบบฟอร์ม DS-160 (Online Nonimmigrant Visa Application): แบบฟอร์มที่ต้องกรอกทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ของสถานทูตสหรัฐอเมริกา เมื่อกรอกเสร็จแล้ว จะได้รับ รหัสยืนยัน (Confirmation Number) ซึ่งต้องพิมพ์และนำมาแสดงในวันสัมภาษณ์
- หลักฐานการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า J-1: ค่าธรรมเนียมวีซ่าจะอยู่ที่ประมาณ 160 ดอลลาร์สหรัฐ (อาจมีการเปลี่ยนแปลง)ต้องเก็บใบเสร็จค่าธรรมเนียมเพื่อนำไปแสดงในวันสัมภาษณ์
- รูปถ่ายขนาด 2×2 นิ้ว ตามมาตรฐานของสถานทูตสหรัฐอเมริกา: พื้นหลังสีขาว ไม่มีเงา ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือนและห้ามใส่แว่นตา หรือเครื่องประดับที่บดบังใบหน้า
- หลักฐานทางการเงิน: หนังสือรับรองจากธนาคาร (Bank Statement) หรือเอกสารแสดงยอดเงินในบัญชีควรมีเงินในบัญชีเพียงพอสำหรับค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาโครงการ หากมีสปอนเซอร์ออกค่าใช้จ่าย ต้องมีจดหมายรับรองจากผู้สนับสนุน
- จดหมายรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- Work and Travel / Internship: อาจต้องมีจดหมายจากนายจ้างหรือองค์กรที่เข้าร่วม
- นักศึกษาแลกเปลี่ยน: ควรมีจดหมายรับรองจากมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียน
- Research Scholar: ต้องมีจดหมายเชิญจากมหาวิทยาลัยหรือสถาบันวิจัย
- ตารางนัดสัมภาษณ์ (Appointment Confirmation): หลังจากลงทะเบียนนัดสัมภาษณ์กับสถานทูต ต้องพิมพ์ใบนัดหมายเพื่อใช้แสดงในวันสัมภาษณ์
วีซ่า J1 ทำงานได้ไหม
โครงการที่เข้าร่วม วีซ่า J-1 อนุญาตให้ผู้เข้าร่วมบางโครงการทำงานได้ชั่วคราวตามข้อตกลง ดังนี้
- Work and Travel: สามารถทำงานในตำแหน่งที่ได้รับอนุญาตในช่วงปิดเทอม
- Internship / Training Program: อนุญาตให้ฝึกงานในสาขาที่เกี่ยวข้อง
- Research Scholar: สามารถทำงานวิจัยภายในมหาวิทยาลัยหรือองค์กรที่ได้รับอนุญาต
อย่างไรก็ตามในด้านการศึกษาวีซ่า J1 วีซ่าโครงการแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่สำคัญและก็เป็นสิ่งที่ควรรู้ไว้สำหรับคนที่วางแผนจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ต้องรู้จักเพื่อที่จะได้เตรียมตัวเตรียมพร้อมสำหรับการขอวีซ่า J1 และหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนรู้แล้วเข้าใจว่าวีซ่า J1 คืออะไร สามารถใช้ทำอะไรได้บ้าง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนที่กำลังเตรียมตัวที่จะขอวีซ่า J1 หรือ วีซ่าโครงการแลกเปลี่ยน